Transgender เทคฮอร์โมนอย่างไร?
Transgender คืออะไร
คนข้ามเพศ หรือ Transgender หมายถึง บุคคลที่มีอัตลักษณ์ทางเพศ ซึ่งก็คือความรู้สึกภายในเกี่ยวกับเพศของตัวเอง แตกต่างจากเพศสภาพที่ถูกกำหนดมาตั้งแต่เกิด เช่น มีเพศสภาพเป็นหญิง แต่อยากเป็นชาย หรือมีเพศสภาพเป็นชาย แต่อยากเป็นหญิง ซึ่งคนข้ามเพศจะสามารถแสดงออกทางอัตลักษณ์ทางเพศได้ผ่านกระบวนการข้ามเพศ โดยหนึ่งในนั้นคือการเทคฮอร์โมน
การเทคฮอร์โมนคืออะไร
การเทคฮอร์โมนเป็นการรับฮอร์โมนเพศตรงข้ามเข้ามาในร่างกายของตนเองเพื่อกดฮอร์โมนเพศเดิมไว้โดยก่อนการเริ่มใช้ฮอร์โมนเพศ ต้องเริ่มจากการได้รับคำปรึกษาจากจิตแพทย์ก่อน เพื่อทำการวินิจฉัยว่าเป็นบุคคลข้ามเพศ หลังจากนั้นจะต้องพบแพทย์เฉพาะทางเพื่อประเมินสภาวะทางสุขภาพก่อนการเริ่มเทคฮอร์โมน
เช็กสุขภาพก่อนการเทคฮอร์โมนต้องทำอย่างไรบ้าง
- แพทย์ทำการซักประวัติและตรวจร่างกายอย่างละเอียดเพื่อประเมินความพร้อม ประเมินสุขภาพจิต และความเสี่ยงของโรคต่างๆก่อนการเทคฮอร์โมน ได้แก่
- โรคหัวใจ
- โรคอ้วน
- โรคเบาหวาน
- ความดันโลหิตสูง
- ไขมันในเลือดสูง
- ประวัติโรคมะเร็งในครอบครัว
- การสูบบุหรี่
- การนอนกรน
- ทำการเจาะเลือดเพื่อเช็คทางห้องปฏิบัติการ ได้แก่
- ความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด
- ระดับไขมันในร่างกาย
- การทำงานของตับ
- การทำงานของไต
- ระดับน้ำตาล
- ระดับฮอร์โมนเพศ
การให้ฮอร์โมนมีแบบใดบ้างและแตกต่างกันอย่างไร
- ฮอร์โมนเพื่อการข้ามเพศสำหรับ หญิง เป็น ชาย ใช้ฮอร์โมน “เทสโทสเตอโรน (Testosterone)”
นิยมใช้ 2 รูปแบบ คือ
- เทสโทสเตอโรนชนิดฉีดเข้ากล้ามเนื้อ
- แบบฉีดทุก 2 สัปดาห์ นิยมใช้มากที่สุด
- แบบฉีดทุก 3 เดือน
- เทสโทสเตอโรนชนิดเจลทาผิว
- ฮอร์โมนเพื่อการข้ามเพศสำหรับ ชาย เป็น หญิง ใช้ฮอร์โมน “เอสโตรเจน (Estrogen)” ร่วมกับ “ใช้ยาต้านฮอร์โมนแอนโดรเจน(Anti-Androgen)” เพื่อยับยั้งฮอร์โมนเพศชาย นิยมใช้ 2 รูปแบบ คือ
- เอสโตรเจนชนิดรับประทาน
- เอสโตรเจนชนิดผ่านทางผิวหนัง(เจลหรือแผ่นแปะ)
ผลลัพธ์ที่ได้จากการเทคฮอร์โมน
ผู้ที่เทคฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน เพศชาย จะมีลักษณะ
- เสียงทุ้มใหญ่ขึ้น
- ผิวมันหยาบขึ้น
- มีสิวเพิ่มขึ้น
- มีหนวดเคราขึ้นตามร่างกาย
- มีผมบางลง
- ประจำเดือนขาด
- ไขมันตามร่างกายลดลง และกล้ามเนื้อชัดขึ้น
ผู้ที่เทคฮอร์โมนเอสโตรเจน เพศหญิง จะมีลักษณะ
- มีหน้าอกสะโพกพายขึ้น
- เสียงเล็กแหลมขึ้น
- ขนบริเวณร่างกายลดน้อยลง
- กล้ามเนื้อเล็กลง
- ผิวเนียนขึ้น
การเทคฮอร์โมนต้องเทคฮอร์โมนสม่ำเสมอหรือไม่
การเทคฮอร์โมนจำเป็นต้องเทคฮอร์โมนอย่างสม่ำเสมอ เป็นเวลาอย่างน้อย 3 – 6 เดือนขึ้นไป ซึ่งจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลง และต้องคอยรักษาระดับฮอร์โมนให้คงที่ เพราะหากฮอร์โมนมากเกินไปอาจจะเกิดผลข้างเคียงแทนได้ แต่ถ้าน้อยเกินไปก็อาจจะไม่เห็นผลลัพธ์ตามที่ต้องการ และหลังจากการเทคฮอร์โมนระยะยาว การเปลี่ยนแปลงบางอย่างอาจจะเปลี่ยนแปลงถาวร แต่การเปลี่ยนแปลงบางอย่างอาจจะกลับมาเป็นปกติได้หลังจากหยุดยาฮอร์โมน
ผลข้างเคียงจากการเทคฮอร์โมน
ผู้ที่เทคฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน เพศชาย
- มีภาวะเลือดข้น (Polycythemia)
- ไขมันในเลือดสูง
- ความดันโลหิตสูง
ผู้ที่เทคฮอร์โมนเอสโตรเจน เพศหญิง
- เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรค เช่น โรคหลอดเลือดดำอุดตัน, โรคหลอดเลือดหัวใจและหลอดเลือดสมอง
- ไขมันไตรกลีเซอไรด์สูง
สามารถซื้อยาฮอร์โมนมาใช้เองได้หรือไม่?
ผู้ที่ซื้อยาฮอร์โมนมาใช้เอง ต้องระวังความเสี่ยงในหลายด้าน ได้แก่ การที่อาจจะได้รับยาปลอม ยาที่ไม่มีคุณภาพ ยาที่ไม่เหมาะสมกับตนเอง และหากได้รับปริมาณยาที่มากเกินไปอาจเกิดผลข้างเคียงที่อันตรายได้ ดังนั้นการเทคฮอร์โมนควรได้รับการติดตามสุขภาพ ติดตามตรวจเช็คระดับฮอร์โมนและภาวะแทรกซ้อนอย่างสม่ำเสมอกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
หลังการเทคฮอร์โมนควรมีการตรวจเช็คสุขภาพอย่างไรบ้าง
- แพทย์จะนัดติดตามหลังเทคฮอร์โมนทุกๆ 3 – 6 เดือน เพื่อประเมินผลการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย
- เจาะวัดระดับฮอร์โมน
- ตรวจดูผลข้างเคียงจากการใช้ฮอร์โมน เพื่อทำการปรับยาให้เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย
โดยการตรวจเช็กสุขภาพทั้งหมดนี้เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดีขึ้น
สนับสนุนข้อมูลโดย: พญ. วีนิตา พิพิธประพัฒน์ แพทย์เฉพาะโรคต่อมไร้ท่อ, เบาหวาน, ไทรอยด์
ศูนย์การแพทย์ : ศูนย์อายุรกรรมเฉพาะทาง โรงพยาบาลบางปะกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร. 1745 ต่อ ศูนย์อายุรกรรมเฉพาะทาง